ตัวอย่างหนังสือค้ำประกัน
คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (คณะกรรมการนโยบาย) พิจารณาแล้วเห็นว่า
คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (คณะกรรมการนโยบาย) พิจารณาแล้วเห็นว่า
คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (คณะกรรมการวินิจฉัย) ได้มีความเห็นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์พิจารณาว่าเป็นการแบ่งซื้อแบ่งจ้างหรือไม่ ดังนี้
ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ข้อ 20
วรรคหนึ่ง กำหนดว่า “การแบ่งซื้อหรือแบ่งจ้างโดยลดวงเงินที่จะซื้อหรือจ้างในครั้งเดียวกันเพื่อให้วิธีการซื้อหรือจ้างหรืออำนาจในการสั่งซื้อหรือสั่งจ้างเปลี่ยนแปลงไป จะกระทำมิได้”
คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาฯ ได้มีแนวทางปฏิบัติในกรณีที่ ส่วนราชการบอกเลิกสัญญาตาม file แนบ
**งานที่่ส่งและเบิกเงินแล้ว จะไม่นำมารวมเป็นค่าเสียหาย
** งานที่ส่งแต่ยังไม่ได้รับเงิน ส่วนราชการจะกำหนดราคากลาง และหากทำแล้ว เงินเหลือจะต้องคืนผู้รับจ้าง หากไม่พอ จะต้องเรียกจากผู้รับจ้าง
การอุทธรณ์ กับ การร้องเรียน สองคำนี้ต่างกัน ซึงการอุทธรณ์ พรบ.กำหนดให้ทำได้เฉพาะผู้ยื่นซอง และต้องทำภายใน 7 วันทำการฯ แต่ การร้องเรียน ระเบียบกำหนดให้ ผู้ใด ก็ได้ ที่เห็นว่าหน่วยงานไม่ปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์ กฎกระทรวง ระเบียบ ให้ ร้องเรียนภายใน 15 วัน นับแต่ได้รู้ หรือควรรู้ ครับ ดังนั้นควรจะตั้งเรื่องให้ถูก มิเช่นนั้นจะเสียเวลา
คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ฯ ได้ ออกหนังสือซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการอุทธรณ์ ตาม พรบ.จัดซื้อจัดจ้าง ฯ บริษัท ฯ ขอสรุป ดังนี้
1.ผู้ที่จะอุทธรณ์ได้จะต้องเป็นผู้ยื่นข้อเสนอ ( มาตรา 114 )
2.ต้องอุทธรณ์ภายใน 7 วันทำการนับแต่วันที่ประกาศในระบบเครือข่ายของกรมบัญชีกลาง และอุทธรณ์ต่อ หน่วยงานของรัฐ
บริษัท ฯ มีหนังสือขอหารือ คณะกรรมการวินิจฉัย ฯ เกี่ยวกับหน้าที่การจัดทำแบบกรณีที่มีการแก้ไข เพราะส่วนราชการส่วนมากจะให้ ผู้รับจ้างดำเนินการ แต่ บริษัทฯ เห็นว่าเป็นหน้าที่ของผู้ว่าจ้างและเพื่อให้ เป็นบรรทัดฐานต่อไป จึงได้หารือไปที่ คณะกรรมการวินิจฉัย ฯ แต่ ปรากฎว่า กรมบัญชีกลางมีหนังสือแจ้ง ว่า จะตอบข้อหารือเฉพาะหน่วยงานของรัฐเท่าน้น บริษัท ฯ จึงนำมาฝาก
บริษัท ที่รับจ้างหรือขายสินค้าให้ราชการ คงมีไม่น้อยที่ ทำสัญญาโอนสิทธิการรับเงินให้กับ ธนาคาร และท่านอาจจะไม่ทราบว่ายังมีหน่วยงานบางแห่งเข้าใจว่าสิทธิในการเรียกคืนค่าปรับ และเงินเพิ่มตามสัญญา ฯ หลังจากปิดโครงการแล้ว นั้นตกไปเป็นของธนาคาร เนื่องจากมีการโอนสิทธิเรียกร้องแล้ว ซึ่งที่ถูกต้องแล้ว สัญญาโอนสิทธิ นั้น เป็นเพียงโอนสิทธิการรับเงินให้ ธนาคารเท่านั้น สำหรับสิทธิหน้าที่ของ บริษัท ที่จะเรียกร้องค่าปรับคืน หรือเรียกร้องเงินเพิ่ม คงเป็นของบริษัท อยู่ทั้งสิ้น แต่เพื่อมิให้มีประเด็นนี้ ผม ขอเสนอทีมกฎหมายของ บริษัท ได้แก้ไขข้อความให้รัดกุม ถึงสิทธิและหน้าที่ให้ชัดเจนในสัญญาโอนสิทธิ นั้น
งานก่อสร้างที่ ผู้เสนอราคา ทำใบเสนอราคาในระบบ e-bidding ไม่ตรงกับ BOQ คณะกรรมการต้องยึดถือ ใบเสนอราคาเป็นหลัก และจะปรับให้เป็นผู้ไม่ผ่านการพิจารณา ก็ไม่ได้ ด้วยเช่นกัน